ไฟพยาบาทของพระเทวทัต

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ธรรมชาติ, สถานที่กลางแจ้ง และข้อความ

"ไฟพยาบาทของพระเทวทัต"
                            สมัยพุทธกาล การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์นั้นมีอุปสรรคในหลายๆส่วน ในส่วนที่จะกล่าวถึงนี้คืออุปสรรคบางตอน นั่นคือ ความอาฆาตพยาบาทของพระเทวทัตที่มีต่อพระพุทธเจ้า ทั้งที่เป็นพระญาติกันและพระเทวทัตเองก็คือพี่ของพระนางยโสธรา (พระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ หรือพระพุทธเจ้าในกาลต่อมา ) ความขัดแย้งมีกันมาหลายชาติภพ
                          ในอดีตชาติพระเจ้าเทวทัตเกิดมาเป็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์ส่วนพระพุทธเจ้านั้นก็เกิดมาเป็นพ่อค้าเช่นกันแต่เป็นพ่อค้าที่ซื่อสัตย์สุจริต "วันหนึ่งมีเศรษฐีนีตกยากนำถาดทองคำมาขายให้พ่อค้าเจ้าเล่ห์ ท่านพ่อค้าเห็นแก่ได้บอกหญิงคนนั้นไปว่า ถาดของท่านมิใช่ถาดทองคำเห็นจะได้ราคาไม่สูง แต่ อดีตเศรษฐีนีผู้ตกยากก็ทราบโดยตัวเองว่าถาดนั้นคือทองคำจึงไม่ขาย ต่อมามีพ่อค้าที่จิตใจดีและซื่อสัตย์ผ่านมาก็ได้นำเสนอขายถามนั้นอีกครั้ง พ่อค้าคนดังกล่าวให้ราคาในเหลดที่เหมาะสมไม่เอาเปรียบ หญิงคนนั้นจึงขายให้ในที่สุด" ความรู้ถึงพ่อค้าขี้โกงทำให้เขาเจ็บแค้นใจเป็นอย่างยิ่งจึงได้หยิบเม็ดทรายขึ้นมา 1 กำมือและหว่านลงดินพร้อมประกาศว่า "เราจะจองล้างจองผลาญท่านต่อไปเท่าเม็ดทรายในกำมือ ๑ เม็ด เท่ากับ ๑ ชาติ จึงตามเบียดเบียนพยาบาทกันมาตั้งแต่นั้น" พระชาติสุดท้ายก่อนจะมาเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ทรงเสวยพระชาติเป็น "พระเวสสันดร" ส่วนพระเทวทัตก็ได้เกิดมาเป็น "ชูชก" คอยจองเวรอีกเช่นเคย
พระเทวทัตได้ทรงออกบวชหลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ และ อิจฉาพระพุทธองค์ที่เหนือกว่าตนมุ่งร้ายและคิดทำลายพระพุทธองค์ถึง 3 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ
                          ความแค้นใจทำให้พระเทวทัตอาพาทล้มป่วยจนกระอักโลหิตไม่สามารถรักษาได้ เมื่อรู้ว่ามีอาการหนักใกล้เสียชีวิต พระเทวทัตได้สำนึกบาปที่ตนได้ทำเอาไว้ จึงให้บริวารแบกแคร่ไปขอขมาพระพุทธเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหาร แต่พอถึงสระน้ำทางเข้าวัด พระเทวทัตก็เกิดร้อนรุ่มอยากจะอาบน้ำ จึงให้บริวารวางแคร่ลง ทันทีที่พระเทวทัตก้าวเท้าเหยียบพื้นดิน แผ่นดินตรงนั้นก็แยกออกมา และ สูบร่างพระเทวทัตจมหายลงไปสู่นรกอเวจีขั้นต่ำสุด ต้องทนทุกข์ทรมานจนชั่วกัปชั่วกัลป์
                        พุทธประวัติตอนนี้หากมองย้อนไปในมุมมองของโหราศาสตร์แล้ว เรื่องความรักความใคร่ ความเกลียดชัง อาฆาตพยาบาท ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับเรื่องนิสัย หรือ จิตใจของเราๆท่านๆ ดาวตนุเศษนั้นสำคัญอย่างยิ่งแม้จะจับต้องไม่ได้แต่มันก็คือสภาวะทางใจที่อยู่เบื้องลึกส่วนกายนั้นคือตัวจักรกลที่ทำงานจากการสั่งให้ทำจากจิตใจ หรือ ที่เรียกว่า "ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว"
ดาวทุกดวงหากทำหน้าที่เป็นตนุเศษ ต่างก็มีดีมีเสียทั้งนั้น มีคุณธรรมมากน้อยต่างกัน มีข้อดีข้อเสียไว้คานกัน ส่วนดาวที่ส่งผลให้คุณๆท่านๆอาจจะมีความอาฆาตจองล้างจองผลาญผู้อื่นน้ำหนักน่าจะมาบอกที่ดาวพระเสาร์ หรือ ดาว ๗ ดาวดวงนี้คือดาวแห่งความทุกข์ กังวล โกรธใครยากนักที่จะให้อภัย เป็นคนที่มักจะจมอยู่กับความทุกข์และความผิดหวังเสมอ เว้นแต่ว่าพระเสาร์ท่านจะถูกขัดเกลาจากดาวดวงอื่นๆ เช่น หากมีพระพฤหัสบดีมาสัมพันธ์ถึงก็จะส่งผลให้ลึกๆแล้วก็พอจะมีคุณธรรมอยู่บ้าง มีพระพุธร่วมก็จะทำให้เป็นคนมีอัธยาศัยดีแม้นานๆจะมีมาทีก็ยังดีกว่าไร้มนุษย์สัมพันธ์
                         ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาจะให้ร้ายท่านที่มีตนุเศษเป็นดาว ๗ สำหรับข้าพเจ้าแล้วคนที่จะใจดำอำมหิต อาฆาตพยาบาทผู้อื่นได้จะต้องมีจุดเสียหลายจุด กล่าวคือ
                        พระเสาร์ร่วมกาลี หรือ เป็นกาลีเสียเอง และ ไม่มีมุมสัมพันธ์ถึงดาวพฤหัสบดี หรือ ดาวศุภะกับภพศุภะ ยิ่งเสาร์ได้ตำแหน่งโดดเด่น เช่น อุจจ์ ราชาโชค มหาจักร เกษตร และ ได้คู่มิตร ธาตุ สมพล ก็จะยิ่งความร้ายกาจในด้านอารมณ์ร้ายลึกๆกันแทบทุกคนแบบนี้เรียกว่ากู่ไม่กลับ
                       ข้าพเจ้าเองก็มีพระเสาร์ส่งเกณฑ์สามถึงดาวอาทิตย์ตนุเศษที่สถิตในราศีธนูเรือนดาวพฤหัสบดี แต่ยังดีที่พระเสาร์ท่านเป็นศรีวันเกิดและสถิตภพศุภะ (ต้องขอบพระคุณดาวพฤหัสบดีและภพศุภะ)ที่ขัดเกลานิสัยทำให้ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น หรือ อาฆาตแก่ผู้ใด (แต่เอ๊ะ.....แบบนี้เรียกยกหางตัวเองนะ ครูโอ) เอาน่า ขอนิดนึง พอหอมปากหอมคอ

บันทึกเมื่อ 24 มิถุนายน 2563 ( ณ วัดถ้ำบ่หลบ จ.กาฬสินธุ์)

ครูโอ มงคล ราชาโชค

Visitors: 8,296